นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย แจ้งผลประกอบการธนาคารต่อตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่าในปี 2566 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 36,616 ล้านบาท ปรับตัวขึ้นร้อยละ 8.7 ขณะที่มีรายได้รวมปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.2 ซึ่งผลการดำเนินที่เติบโต มาจากการสินเชื่ออย่างระมัดระวังในกลุ่มที่เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร
นอกจากนี้ แบงก์กรุงไทย ยังสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ Cost to Income ratio เท่ากับร้อยละ 41.6 ลดลงจากร้อยละ 43.7 ในปีที่ผ่านมา
TTB อวดกำไรปี 66 โต 30.1% ที่ 18,462 ล้านบาท จากวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น
SCB ปี 66 กำไร 43,521 ล้านบาท พุ่ง 15.9% จากรายได้ดอกเบี้ยเพิ่ม
สำหรับการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น เพื่อรักษาระดับของ Coverage ratio ในระดับสูงที่ ร้อยละ 181.2 รองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ แต่หากรวมสำรองที่ได้ปรับปรุงระหว่างปี (one-time adjustment) ด้วยแล้ว Coverage ratio ของธนาคารอยู่ที่ประมาณร้อยละ 190 เมื่อเทียบกับ ร้อยละ 179.7 ในปีที่ผ่านมาคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
นอกจากนี้ ในไตรมาส 4 ธนาคารได้ตั้งสำรองคุณภาพสินเชื่อโดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ ที่สินเชื่อมีแนวโน้มเสื่อมค่าลง พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป ขณะเดียวกันการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ ก็เป็นอย่างระมัดระวังต่อเนื่อง ทำให้ NPLs Ratio ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 3.08
ขณะที่งบการเงิน ณ 31 ธันวาคม 2566 ธนาคาร (งบการเงินเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ร้อยละ 17.64 และมีเงินกองทุนทั้งสิ้น ร้อยละ 20.85 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของ ธปท. รวมถึงมีสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอโดยรักษาระดับของ Liquidity Coverage ratio (LCR) อย่างต่อเนื่อง สูงกว่าเกณฑ์ที่ธปท.กำหนด
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2566 ธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ6,111 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 24.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2565
นายผยง ระบุว่า เศรษฐกิจไทยปี 2566 ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ยังไม่ทั่วถึงในรูปแบบ K-shaped economy โดยภาคการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น ส่วนภาคการส่งออก ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลต่อไปถึงการลงทุนภาคเอกชนให้ขยายตัวต่ำกว่าคาด ขณะที่การลงทุนภาครัฐ ได้รับผลกระทบจากการเบิกจ่ายที่ต่ำกว่าปกติ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทย ยังเผชิญการเปลี่ยนผ่านเชิงนโยบาย ซึ่งเห็นได้ชัดจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับตัวขึ้นประกอบกับภาคครัวเรือนยังมีภาระหนี้สูงทั้งใน และนอกระบบ ผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงกลุ่มเปราะบางและผู้มีรายได้น้อยยังฟื้นตัวได้ช้า
ธนาคารจึงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง บริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิด โดยรักษาระดับของ Coverage Ratio ในระดับสูงอยู่ที่ ร้อยละ 181.2 เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การฟื้นตัวภายใต้ศักยภาพที่ลดลง
สำหรับ ปี 2567 ธนาคารกรุงไทย ให้ความสำคัญการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนของประเทศ และช่วยเหลือลูกค้าแก้ไขปัญหาหนี้ ทั้งมาตรการทั่วไป และมาตรการเฉพาะจุด โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัว ครอบคลุมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ พร้อมส่งเสริมการเข้าถึงการเงินในระบบตามแนวทางการแก้หนี้ยั่งยืน หรือ Responsible Lending ของธนาคารแห่งประเทศไทย